วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

พี่เลื้ยงแสนฉลาด PlantSitter - ถูกใจคนรักต้นไม้แน่นอน!

สำหรับคนรักต้นไม้แล้วการได้ดูแลเอาใจใส่พืชเหล่านี้ถือเป็นกิจกรรมอันแสนรื่นรมย์และมีความสุขยิ่งนัก แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้ต้นไม้ที่คุณรักเขาต้องการการดูแลอะไรจากคุณบ้าง?? โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือใหม่หัดปลูกที่มักจะสูญเสียต้นไม้ที่ซื้อมาด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้การที่จะต้องเดินทางไปข้างนอกติดต่างกันหลายๆ วันก็ยิ่งทำให้อดห่วงไม่ได้ว่าต้นไม้อันเป็นที่รักจะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากเขาเหล่านี้สามารถพูดได้ก็คงจะดีไม่น้อย

แต่ถ้าคุณได้รู้จักกับ "PlantSitter" แก็ดเจ็ตแสนฉลาดที่จะมาเป็นผู้ช่วยในการดูแลต้นไม้ที่รักของคุณ จะดีแค่ไหนถ้าคุณสามารถรู้ได้ว่าต้นไม้ของคุณกำลังต้องการอะไร และคุณสามารถที่จะติดตามพวกเขาได้ตลอดทุกที่ทุกเวลาที่ต้องออกเดินทางไกล?? ลองมาดูกันครับว่าเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ^^

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

มาดูกันดีกว่าว่าเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ทำงานอย่างไร

PlantSitter ได้ถูกออกแบบมาให้มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่า 4 แบบ เพียงคุณเสียบเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ลงในดินข้างๆ ต้นไม้ของคุณ ประกอบด้วย

  • ความชุ่มชื้นของดิน (Soil Moisture)
  • ความอุดมสมบูรณ์ของดิน (Soil Nutrition)
  • อุณหภูมิ (Temperature)
  • ปริมาณแสงแดด (Sun Light)

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

PlantSitter สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ Smart Device ด้วยสัญญาณ Bluetooth ผ่านแอพพลิเคชั่น MiGrow หลังจากเชื่อมต่ออุปกรณ์จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ที่คุณได้เลือกไว้ ซึ่งค่าต่างๆ จะถูกตีความจากฐานข้อมูลที่ MiGrow ได้สร้างขึ้น

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ตัวอย่างเช่น หากต้นไม้ของคุณกำลังต้องการการรดน้ำเพิ่ม เจ้า PlantSitter จะอ่านค่าและส่งข้อความถึงคุณทันที

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

นอกจากนี้ด้วยแอพพลิเคชั่น MiGrow คุณยังจะสามารถเข้าสู่สังคมออนไลน์ของคนรักพืชและการทำสวนปลูกต้นไม้ ซึ่งจะสามารถร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ฯลฯ


ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

และด้วยแอพพลิเคชั่น MiGrow ยังช่วยทำให้คุณสามารถติดตามต้นไม้ของคุณหลายๆ ต้นในเวลาเดียวกันได้


ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ถ้าแค่สัญญาณ Bluetooth แล้วจะติดตามเวลาออกนอกพื้นที่ยังไงหละ? แต่ด้วยเจ้าสิ่งที่เรียกว่า PlantRouter จะช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทุกหนทุกแห่งทุกเวลานั่นเอง เพียงแค่เสียบเจ้า PlantRouter ที่ว่านี้เข้ากับปลั๊กไฟบ้านธรรมดา อุปกรณ์นี้ก็จะรับข้อมูลผ่านสัญญาณ Bluetooth จาก PlantSitter แล้วส่งผ่านระบบ WiFi ไปยัง Smart Device ของคุณ

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

หลายคนคงเริ่มสนใจอยากหามาลองใช้กันแล้วใช่ไหมครับ เท่าที่ทราบขณะนี้ยังไม่มีวางขายในประเทศไทย แต่ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของ KICKSTARTER (https://www.kickstarter.com/projects/migrow/plantsitter-the-worlds-smartest-plant-monitoring-s?ref=popular)

หวังว่าคงจะถูกใจคนรักการปลูกต้นไม้ทำสวนไม่น้อยนะครับ ^^


- Ampor Jai -


ที่มา: KICKSTARTER

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

อะไรๆ ก็ขาขึ้น???

หลังจากตะลุยภารกิจต่างจังหวัด มีเวลาลองนั่งเปิดกราฟดู ได้เห็นความเคลื่อนไหวประมาณนี้

SET - ตอนนี้เป็นภาพในระยะขาขึ้น ในระดับ day ทำรูปแบบ (inverted head & shoulder) Cup with handle, อาทิตย์หน้ายังมีแนวโน้มขึ้นต่อได้อีก สนับสนุนด้วยตลาดเมกาฯ และยุโรปที่ขึ้นแรงมากเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา : ใครมีถือหุ้นอยู่มีลุ้นครับ (โดยเฉพาะตัวที่อยู่ในกลุ่มนำตลาด)



GOLD - ในภาพระยะ week ทำรูปแบบ Cup with handle, 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถทะลุแนวต้านในรอบ 2 ปีขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามราคาทองคำมักสวนทางกับตลาดหุ้น ดังนั้นต้องติดตามว่าจะขึ้นได้แค่ไหน



OIL - ราคาน้ำมันอยู่ในระยะขาขึ้นเช่นกัน ในภาพระดับ day ทำรูปแบบ (double bottom) Cup with handle, ตอนราคาน้ำมันยืนเหนือหูถ้วยได้แล้ว มีแนวโน้มขึ้นต่อได้อีกในสัปดาห์หน้า ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยที่ซัพพอร์ทกัน (แต่ราคาน้ำมันขึ้นแบบนี้ เราก็ต้องเติมน้ำมันแพงอีกแล้วนะครัช -_-!)



‪#‎หมายเลข13ตามหาหุ้น‬ ‪#‎13getstock‬ ‪#‎หุ้น‬ ‪#‎การลงทุน‬ ‪#‎เทคนิคคอล‬ ‪#‎กราฟ‬ ‪#‎Stock‬ ‪#‎StockMarket‬ ‪#‎Investment‬ ‪#‎SET‬ ‪#‎Technical‬ ‪#‎Graph‬ ‪#‎StockRunway‬

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

เปลี่ยนกระจกหน้ารถให้เป็น HUD ด้วย Carloudy

จากข้อมูลสถิติของสภาความปลอดภัยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Safety Counsel) พบว่าปัจจุบันมีอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ยานพาหนะสูงถึง 1 ล้าน 6 แสน ครั้งต่อปี ซึ่งการใช้โทรศัพท์มือถือขณะที่กำลังขับขี่ยานพาหนะนั้นทำให้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นสูงถึง 400-1000% เลยทีเดียว

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยฟังก์ชั่นและคุณสมบัติที่สารพัดประโยชน์ของ Smartphone ในปัจจุบันทำให้เราต้องพึ่งพามันอยู่ตลอดเวลา ตัวผมเองก็ต้องอาศัย Google Maps ในการนำทางอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการติดตามข่าวสารถ ข้อมูลต่างๆ จะดีกว่าไหมถ้าหากข้อมูลเหล่านั้นสามารถมาปรากฏอยู่บนกระจกหน้ารถระหว่างขับขี่ได้และเราสามารถควบคุมการทำงานของ Smartphone ด้วยเสียงของเราเอง?

"Carloudy" คืออุปกรณ์ที่จะมาตอบโจทย์ตรงนี้ได้ ด้วยการเปลี่ยนกระจกหน้ารถของคุณให้เป็น head-up display (HUD) โดยเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของคุณผ่านสัญญาณ Bluetooth และแสดงผลข้อมูลบนมือถือบนกระจกหน้ารถได้ทันที เพียงวางอุปกรณ์ Carloudy ไว้ที่คอนโซลหน้ารถของคุณ!!

มาดูตัวอย่างภาพกันดีกว่า



ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER 

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

Carloudy สามารถช่วยค้นหาข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นในการขับรถได้มากมาย อาทิ นำทาง ข้อมูลการจราจร การจำกัดความเร็ว สถานที่จอดรถที่ใกล้ที่สุด ร้านอาหาร และปั๊มน้ำมัน ฯลฯ

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

จุดเด่นของ Carloudy ที่น่าสนใจ
  • สามารถแสดงผลข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือขึ้นบนกระจกหน้ารถได้
  • สามารถแสดงผลการนำทางของ Google Maps ได้
  • ควบคุมการทำงานด้วยเสียง
  • สามารถแสดงผลได้ทั้งกลางแจ้งและในที่มืด
  • สะดวกสบายด้วยการทำงานแบบไร้สาย
  • แบตเตอร์รี่ที่ทนทานเมื่อชาร์จเต็มที่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 2 สัปดาห์

ตารางด้านล่างเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอุปกรณ์นำทางทั่วไป Smartphone และ Carlouday
 
ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

มาดูหน้าตาของเจ้า Carloudy กันครับ

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

เชื่อได้ว่าด้วยนวัตกรรมของเจ้า Carloudy จะสามารถทำให้การใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้ขับขี่รถยนต์มีความสะดวกมากขึ้นและจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนให้สามารถลดลงได้

หากใครสนใจหามาใช้ หรือ ต้องการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ดีๆ แบบนี้เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ KICKSTARTER ได้เลยครับ (https://www.kickstarter.com/projects/carloudy/carloudy-futuristic-head-up-display-on-your-windsh?ref=popular)


- Ampor Jai -


ที่มา: KICKSTARTER

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

Ruggie พรมเช็ดเท้าวิเศษ ขับไล่ความขี้เซา!!

บรรยากาศยามเช้า แสงแดดอบอุ่น แอร์เย็นๆ ที่นอนนุ่มๆ ช่างเป็นโมเม้นที่ไม่อยากให้มีอะไรมารบกวนเสียเลย แต่นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมดันร้องดังทำลายบรรยากาศเสียนี่!! ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปปิด แล้วก็นอนต่อ...

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยผ่านอารมณ์แบบนี้กันมาอยู่แล้ว และคงมีอีกหลายคนที่พยายามก้าวข้าม "การนอนขี้เซา" ด้วยสารพัดวิธี ซึ่งอาจจะได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ได้ผลชั่วคราวบ้าง

มีคนกลุ่มหนึ่งที่เล็งเห็นปัญหานี้จึงได้สรรสร้างนวัตกรรมที่จะมาช่วยให้การตื่นนอนของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือเจ้าพรมเช็ดเท้าวิเศษที่เรียกว่า "Ruggie" หรือ "รักกี้" เป็นนาฬิกาปลุกรูปแบบใหม่ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาการนอนขี้เซา ชมวิดีโอตัวอย่างได้ที่นี่ Ruggie - The World's Best Alarm Clock

มาดูหน้าตาเจ้า Ruggie ที่ว่ากันหน่อยดีกว่า

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER


ป้องกันการกลับไปงีบหลับด้วย Snooze Proof Sensor

หากคุณต้องการจะปิดเสียงนาฬิกาปลุกของเจ้าพรมเช็ดเท้า Ruggie ละก็คุณต้องเหยียบลงบนเจ้าพรมเช็ดเท้า Ruggie ด้วยน้ำหนักที่พอเหมาะเป็นเวลา 3 วินาที ซึ่งถึงตอนนั้นคุณก็กลับไปนอนต่อไม่ลงแล้วหละ

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

สร้างเช้าวันใหม่ให้สดใส ด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่คุณชื่นชอบ

เจ้าพรมเช็ดเท้า Ruggie ตัวนี้สามารถต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณได้ด้วยสาย USB ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเลือกใส่ไฟล์เสียงที่คุณชื่นชอบเป็นเสียงนาฬิกาปลุกยามเช้า ทำให้การเริ่มต้นวันใหม่ของคุณเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

ขอบคุณคลิปจาก Youtube

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

อยากรู้เวลาเหรอ? แค่แตะไง

ทุกครั้งที่คุณเหยีบลงบนเจ้าพรมเช็ดเท้า Ruggie จะปรากฎการแสดงผลบอกเวลาด้วยระบบไฟ LED บริเวณมุมบนด้านซ้ายมือที่มีความสว่างมากพอจะเป็นนำทางในกรณีที่คุณต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

รองรับน้ำหนักด้วยโฟมนุ่มชนิดพิเศษ

ด้วยวัสดุพิเศษที่เรียกว่า Soft Memory Foam ที่สามารถจดจำรอยเท้าและช่วยทำให้การเหยียบลงบนเจ้าพรมเช็ดเท้า Ruggie ในยามเช้าของคุณรู้สึกผ่อนคลายและนุ่มสบายเท้าอย่างมาก

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ตั้งค่าง่ายๆ ด้วยปุ่มการใช้งานที่ซ่อนอยู่

คุณสามารถตั้งค่าต่างๆ ตามต้องการด้วยปุ่มการใช้งานที่ซ่อนอยู่ด้านล่างของเจ้าพรมเช็ดเท้า Ruggie ชมตัวอย่างจากคลิปด้านล่างได้เลย

ขอบคุณคลิปจาก Youtube

ลองหามาใช้กันดูแล้วคุณอาจจะติดใจก็เป็นได้

หากใครที่สนใจอยากสนับสนุนโครงการดีๆ หรือสั่งซื้อเจ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ของ KICKSTARTER ได้เลยครับ (https://www.kickstarter.com/projects/961424878/ruggietm-the-worlds-best-alarm-clock?ref=popular)

- Ampor Jai -

ที่มา: KICKSTARTER

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

Dragon Pattern โอกาสทำกำไรในหุ้นด้วยรูปแบบมังกร

หากใครที่เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ด้วยกราฟเทคนิคคอล (Technical Analysis) คงได้เคยอ่านหนังสือและได้รู้จักรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคามาแล้วมากมาย หนึ่งในรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่น่าสนใจและอยากจะยกมาพูดถึงในวันนี้คือ Dragon Pattern หรือ รูปแบบมังกร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเรื่องคลื่น Elliot Wave

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินและรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่หากใครยังมองภาพไม่ค่อยออกหรือนำไปใช้แล้วยังไม่ค่อยจะถูกลองดูตัวอย่างจากเนื้อหานี้ได้ครับ ซึ่งจะเป็นการเคลื่อนไหวของหุ้นที่เราเห็นๆ ในตลาด จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง

มาเริ่มกันเลยดีกว่า อย่างแรกคงต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่าหน้าตามังกรเป็นอย่างไร ง่ายๆ เลยคือมองแบบภาพรวมคร่าวๆ เราจะเห็นการฟอร์มตัวของราคาคล้ายๆ กับตัวมังกรซึ่งประกอบด้วยส่วน หัว-คอ-ขาหน้า-หลัง-ขาหลัง-หาง

ขอบคุณภาพจาก Advance-Elliott Wave.com

เรามักจบพบเจอ Dragon Pattern หลังจากที่หุ้นเป็นขาลงมาได้สักระยะและเริ่มเข้าสู่การพักด้วย หรือการพักตัวในระยะขาขึ้น เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดได้ในหลายๆ Time Frame 

หากดูกันดีๆ แล้วละก็จะเห็นว่า "ขาหน้า" และ "ขาหลัง" ของมังกรก็คือการทำรูปแบบกลับตัว (Reversal Pattern) ที่เรียกว่า Double bottom นั่นเอง 

หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าถ้าเป็น Dragon Pattern แล้วมันจะขึ้นไปได้ถึงไหน หรือว่าราคาเป้าหมายคือเท่าไหร่ ขอตอบแบบง่ายๆ (แต่ไม่ได้กวนอารมณ์ใคร) มีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาเคยสอนว่า "หุ้นลงมาจากเท่าไหร่ เมื่อกลับตัวก็จะขึ้นไปถึงที่นั่น, หุ้นขึ้นมาจากเท่าไหร่ เมื่อกลับตัวก็จะลงไปถึงที่นั่น เช่นกัน" - แปลว่าในกรณนี้เราสามารถนำส่วน "หัวมังกร" มาเป็นราคาเป้าหมายได้ แต่ไม่มีสิ่งใดการันตีว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอนะ!

ฉะนั้นเรามาดูตัวอย่างการใช้งานจริงกันดีกว่า

THANI - เกิด Dragon Pattern ใน time frame 30 นาที



LPH - เกิด Dragon Pattern ใน time frame 120 นาที (แต่สามารถเล่นใน time frame 30 นาที เช่นกัน)



BA - เกิด Dragon Pattern ใน time frame WEEK



SET - ขนาดตลาดยังมี Dragon Pattern ให้เห็นเช่นกัน เป็น time frame MONTH



ข้อควรระวัง!! - จังหวะของการเข้าซื้อ หรือ entry point นั้นควรรอให้แน่ใจว่าราคาสามารถทะลุผ่านเส้นแนวโน้ม (trendline) ได้จริงๆ หากซื้อดักก่อนที่ราคาจะทะลุผ่านก็ต้องยอมรับกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามมา / จังหวะการขายออก หรือ exit point เมื่อราคาวิ่งไปถึงราคาเป้าหมายแล้วควรขายออกหรือแบ่งขายออกมาส่วนหนึ่งก่อน เพราะราคาอาจไหลกลับลงไปได้เสมอ

ลองศึกษาทำความเข้าในแล้วนำไปประยุกต์ใช้กันดูนะครับ ^^

ปล.นี่เป็นเพียงการนำมาใช้งานแบบง่ายๆ นะครับ ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามอินเตอร์เน็ตเพื่อศึกษาการใช้ในเชิงลึกต่อไป

- Ampor Jai -

FB: หมายเลข13ตามหาหุ้น / 13getstock

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2559

แค่ดีดอากาศ ก็เล่นกีต้าร์ได้!! กับ Kurv Guitar

ปัจจุบันมีพื้นที่เปิดกว้างให้กับคนที่มีไอเดียเก๋ไก๋และต้องการสรรสร้างสิ่งใหม่ๆ (Creative idea) ให้ได้ลงมือทำและนำความคิดนั้นมาประดิษฐ์ให้เป็นจริงหลายแห่ง KICKSTARTER คือหนึ่งในพื้นที่นั้น มีผู้คนจำนวนมากนำไอเดียสุดแจ่มมาสร้างเป็นโครงการเพื่อหาผู้ที่สนใจร่วมสนับสนุนเพื่อทำให้ไอเดียเหล่านั้นเกิดเป็นความจริงขึ้นมาได้

ล่าสุดโครงการที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากคือ สิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า "Kurv Guitar" หรือ กีต้าร์ดิจิตอลไร้สาย (Stringless digital guitar) ซึ่งนับได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการคนตรีเลยทีเดียว!!

Kurv Guitar เป็นนวัตกรรมทางดนตรีที่จะทำให้ใครก็ตามสามารถเรียนรู้ที่จะเล่นดนตรีได้เพียงแค่การเคลื่อนไหวหรือออกท่าทางเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกีต้าร์จริงๆ (ประมาณเครื่องเกม Wii ที่เราออกเพียงท่าทางก็สามารถเล่นเกมได้แล้ว)


ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER



ขอบคุณคลิปจาก YouTube

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

Kurv
สัมผัส - เพียงใช้นิ้วสัมผัสลงบนแป้นด้วยการควบคุมแรงกด คุณก็สามารถสรรสร้างเสียงดนตรีออกมาได้แล้ว

สวมใส่ - Kurv ได้ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้พอดีกับมือเพื่อให้สามารถใช้นิ้วสัมผัสแป้นได้อย่างสะดวก ซึ่งบนแป้นจะประกอบด้วยพื้นที่ 8 ส่วน สามารถครอบคลุมโทนเสียงได้ 8 อ็อกเทฟ (octave) 8 สเกล (scale) และ 8 คอร์ด (chords)

ท่าทาง (Gesture) - ใช้การเคลื่อนไหวและท่าทางเพื่อทำให้เกิดเสียง เสมือนการเล่นด้วยกีต้าร์จริง


ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

Kurv ทำงานอย่างไร?

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

Download - เพียงแค่ลงแอพฯ บน iPhone หรือ iPad ของคุณ
Connect - เชื่อมต่ออุปกรณ์ Kurv และ iDevice ผ่านบลูธูท
Play - คุณจะได้ฟังเสียงดนตรีผ่านอุปกรณ์ iDevice ซึ่งสามารถต่อออกทางหูฟัง ลำโพง หรือเครื่องเสียงก็ได้เช่นกัน

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

ขอบคุณภาพจาก KICKSTARTER

หากใครที่สนใจอยากสนับสนุนโครงการดีๆ แบบนี้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของ KICKSTARTER ได้เลยครับ (https://www.kickstarter.com/projects/kurv/kurv-guitar)

ต่อไปนี้สำหรับคนที่มีดนตรีในหัวใจก็สามารถสร้างความสุนทรีได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องลำบากพกพาเครื่องตนตรีขนาดใหญ่เทอะทะให้วุ่นวายอีกต่อไป...

-Ampor Jai-

ที่มา: KICKSTARTER

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559

วุ้นแปลภาษามีจริง!! App เดียวได้ทั้งภาพ เสียง และลายมือ

หากพูดถึงแอพฯ Google Translate เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่รู้กันหรือยังว่ามันทำได้มากกว่าการเป็นแค่ดิกชั่นนารี ปัจจุบันทางกูเกิ้ลได้เพิ่มความสามารถการแปลภาษาจากภาพ เสียง และลายมือ เข้าไปด้วย รวมถึงเพิ่มภาษาในการแปลให้ครอบคลุมมากขึ้นไปอีกจนแทบจะไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องของภาษาอีกต่อไป 


โดยส่วนตัวจากการที่ได้ลองใช้งานยอมรับว่าทึ่งมาก จึงอยากแบ่งปันเรื่องดีๆ ให้ได้รู้กัน ส่วนความแม่นยำอยู่ในระดับที่เอาชีวิตรอดได้เมื่อยามที่ต้องเดินทางไปต่างแดน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้ทั้งแบบ online และ offline อีกด้วย ไม่ต้องเสียเวลา มาดูกันเลยดีกว่าว่าเป็นยังไง

อย่างแรก คือ การแปลภาษาจากภาพและป้ายต่างๆ (Instant translate) ง่ายๆ แค่เปิดแอพฯ --> เลือกภาษา --> เปิดกล้อง --> บันทึภาพ ที่เหลือคือหน้าที่ของ Google Translate จัดให้...ดูตัวอย่างจากภาพได้เลยจ้า

ขอบคุณภาพจาก DroidSans

ขอบคุณภาพจาก DroidSans

อย่างที่สอง คือ การแปลภาษาจากเสียง คำพูด หรือเสียงสนทนา (Voice Conversation) โดยรองรับการแปลแบบไป-กลับ เพื่อความสะดวกในการสื่อสารอีกด้วย เพียงปลายนิ้วสัมผัส แค่เปิดแอพฯ --> เลือกภาษา --> เปิดไมโครโฟน --> แล้วก็พูดได้เลย (สามารถแปลภาษาได้ทั้งบทสนทนาทางเดียวและสองทาง สุดยอดไหมหละ!!)

ขอบคุณภาพจาก DroidSans

อย่างที่สาม คือ การแปลภาษาจากลายมือ แค่เปิดแอพฯ --> เลือกภาษา --> เปิดกระดานเขียน --> แล้วลงมือเขียนได้เลย ดูตัวอย่างด้านล่างจ้า...

ขอบคุณภาพจาก Google

ในกรณีเดินทางไปต่างแดนแต่ไม่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตหรือดาต้าได้ ก็สามารถดาวน์โหลด offline package ไว้ใช้ได้อย่างไร้กังวล

ขอบคุณภาพจาก DroidSans

ขอบคุณภาพจาก DroidSans

Google Translate สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้แล้วที่ Google Play Store สำหรับ Android และ Apple App Store ของ iOS ที่สำคัญคือฟรี!! - มือถือเครื่องเดียวเที่ยวได้ทั่วโลก ลองหามาใช้กันได้เลย...

- Ampor Jai - 

ที่มา: DroidSans และ Google